Chantaburi - จันทบุรี:เมื่อไม่เหงา ภูเขา ท้องฟ้า ทะเล จัดให้ได้



เคยเป็นบางไหมครับ อารมณ์อยู่ดีๆ ก็อยากไปทะเล ผมเองเป็นคนกรุงเทพฯ ทะเลที่ใกล้ที่สุด ก็คงไม่พ้น บางขุนเทียน แต่ที่นั่น ก็คงเป็นได้เพียงทะเลให้เรายืนมอง เพราะขวางกั้นด้วยดินเลน ดังนั้น ใกล้กว่านั้นก็คงไม่พ้นชลบุรี ซึ่งผมไปบ่อยมาก คราวนี้ เลยขับเลยไปอีก(ไม่หน่อย) จันทบุรี ...

ใครที่ไปไกลขนาดนั้น คงหาที่พักในเมือง เข้าท่องเที่ยวในตลาด ดูโบสถ์เก่าๆ แต่ผมเอง ไปนั่งมองทะเล รับลม ชมพระอาทิตย์ตก แล้วก็กลับ.... ครับ กว่าสามร้อยกิโลเมตร ขับไป ขับกลับ เหมือนคนว่างงาน ..ซึ่งจริงๆแล้ว งานไม่ว่าง แต่เป็นหัวสมองที่ว่าง ปล่อยวาง เลยทำให้ขับรถไปได้เรื่อยๆ 

ทะเลมันก็ทะเลเดียวกับบางแสนนะแหละครับ ท้องฟ้าเดียวกัน พระอาทิตย์ดวงเดียวกัน (น่าจะเค็มเหมือนกันด้วย) แต่แค่มองมันจากมุมที่แตกต่างกัน คงเหมือนกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ถ้าเราเลือกที่จะมองมันจากด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว ยึดติดแต่สิ่งที่เห็นเพียงด้านเดียว แล้วก็อนุมานเองว่า มันต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้แน่ๆ ด้านในก็คงเหมือนกัน ก็คงน่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้มองเห็นอีกด้านนึง ซึ่งอาจจะสวยงามกว่า ก็เป็นได้...

ทะเล โขดหิน สีน้ำเขียวๆและท้องฟ้าสีฟ้าคราม
เสียงคลื่นซัดผ่านโขดหินบรรเลงเสียงกล่อมให้ผุ้มาเยือนได้เพลิดเพลิน

เพราะมุมนี้แหละ ทำให้ผมอยากไปเห็นทะเลจันทบุรี

เม็ดทราย ที่ชายหาด ดูสีทองเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ละเอียดและไร้สิ่งเจือปน

 ถ่ายภาพให้ Under ลงเพื่อขับฟองคลื่นให้เห็นความละเอียดได้ชัด

ทะเลว่างๆ ไม่มีคนก็ว่าเหงา แต่เหลือคนเล่นแค่คนเดียว ยิ่งดูเหงากว่า...

พระอาทิตย์ตั้งท่าจะลาขอบฟ้าแล้ว เตรียมตัวได้เวลากลับบ้าน

ดอกหญ้าริมผา พริ้วไหว ราวกับมันโบกมือลาพระอาทิตย์

เมื่อดวงอาทิตย์เหลือเพียงจุดเสี้ยวเล็กๆ ไม่มีอะไรที่อยุ่ยั่งยืน ไม่ว่าสุข หรือทุกข์

แสงสุดท้าย ก่อน twilight จะมาเยือน

บอกลาด้วยสีแดงเพลิงแห่งท้องทะเล..

การถ่ายภาพธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ แต่อยุ่ที่เวลา การเลือก moment of time ความอดทนในตัวเรา และโชคอีกเล็กน้อย : )

0 comments:

Post a Comment